ซึ่งสรรพคุณของผักเชียงดานั้น ได้มีข้อมูลทางการศึกษา และการวิจัย (Literature Review) หลายๆ อย่างที่ได้ทดสอบในเซลล์ และในสัตว์ ผลลัพธ์มีแนวโน้มลดน้ำตาลในเลือดได้ และมีฤทธิ์ต้านเบาหวานได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีสารตัวสำคัญที่เรียกว่าจิมนิมิก (gymnemic acid) ซึ่งมีฤทธิ์การยับยั้งการขนส่งน้ำตาล ลดการดูดซึมน้ำตาลจากลำไส้ กระตุ้นการสร้าง หรือการซ่อมแซมเบต้าเซลล์ของตับอ่อนที่ทำให้การหลั่งอินซูลินดีขึ้น และช่วยลดภาวะการดื้ออินซูลินช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง มีผลดีต่อกลุ่มผู้ป่วยระดับน้ำตาลในเลือดสูง หรือ ผู้ป่วยเบาหวานนั่นเอง
โดยการวิจัยในครั้งนี้ได้นำผลิตภัณฑ์ตราชีวาจากผักเชียงดาทั้งชนิดแคปซูล และชนิดชาชงมาทดสอบวิจัยกับมนุษย์ ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเป็นเบาหวาน และผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ผลจากการวิจัยพบว่า เมื่อผู้ทดสอบได้ลองทานผลิตภัณฑ์ชีวา ต่อเนื่องนาน 3 เดือน ได้ทำการตรวจค่าน้ำตาลในเลือดหลังงดอาหาร 8 ชั่วโมง Fasting Blood Sugar (FBS) ผลปรากฏว่าผลิตภัณฑ์ชีวา มีประสิทธิภาพเป็นที่น่าพึงพอใจในการควบคุมสมดุลของน้ำตาลกลูโคสในเลือด และลดความเสี่ยงต่อการพัฒนาไปเป็นโรคเบาหวานในผู้ที่รับประทานผลิตภัณฑ์เป็นประจำสม่ำเสมอ ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จของวงการสมุนไพรไทยอีกขั้น
ดร.สะแกวัลย์ กล่าวว่า “โครงการนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ เป็นที่น่าพึงพอใจ อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพรมีส่วนช่วยในการดูแลสุขภาพได้จริง พิสูจน์ได้ว่าหลังรับประทานผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องนาน 12 สัปดาห์ ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง เฉียบพลันในผู้ทดสอบ และไม่ส่งผลกระทบต่อระบบเลือด ไม่มีพิษต่อตับ และไต มีส่วนช่วยในการรักษาสุขภาพของผู้ที่รับประทานเป็นประจำ ถือเป็นเรื่องน่าดีใจที่เราได้ร่วมสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือใช้พืชสมุนไพรของไทยที่มีในพื้นถิ่นมาดูแลสุขภาพ”
อย่างไรก็ตามการวิจัยในครั้งนี้จะช่วยยืนยันผล และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพรทางเลือกที่นับเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยเรื่องสุขภาพที่ตอบโจทย์ต่อใครหลายคนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความร่วมมือด้านงานวิจัยระหว่างภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคเอกชน ชูผลงานวิจัยที่ใช้ได้จริงอีกด้วย